บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

จิตซังกะบ๊วยหนีตามไป


ท้ายๆ บทความที่แล้ว คุณจิตซังกะบ๊วยเข้ามาโต้ตอบเจ้าของกระทู้ ดังนี้

1.  อย่าอ้างพระพุทธเจ้าครับ
2.  จิตเป็นดวงไม่ได้ หมายว่า เป็นดวงๆ ครับ เป็นขณะๆหนึ่ง
3.  "ขอเชิญสะเดาะเคราะห์ เสริมดวง ต่ออายุ" อย่างถูกต้องตามคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นเรื่องเหลวไหลไม่มีในพระไตรปิฎก

ท่านเจ้าของกระทู้เข้ามาโต้ตอบ ดังนี้


เรียน คุณ JitZungkabuai ขอตอบโดยเรียงความสำคัญใหม่ ดังนี้

1) จิตเป็นดวง  ผมยกพระอภิธรรมไปแล้ว ต่อมายกพระสูตรบ้าง

http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=16&A=2519&Z=2566&pagebreak=0

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘ สังยุตตนิกาย นิทานวรรค มหาวรรคที่ ๗๑. อัสสุตวตาสูตรที่ ๑

[๒๓๐] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี

[๒๓๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้มิได้สดับ จะพึงเข้าไปยึดถือเอาร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูต ๔ นี้ โดยความเป็นตน ยังชอบกว่า แต่จะเข้าไปยึดถือเอาจิตโดยความเป็นตนหาชอบไม่

ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ เมื่อดำรงอยู่ ปีหนึ่งบ้าง สองปีบ้าง สามปีบ้าง สี่ปีบ้าง ห้าปีบ้าง สิบปีบ้าง ยี่สิบปีบ้าง สามสิบปีบ้าง สี่สิบปีบ้าง ห้าสิบปีบ้าง ร้อยปีบ้าง ยิ่งกว่าร้อยปีบ้าง ย่อมปรากฏ

แต่ว่าตถาคตเรียกร่างกายอันเป็น ที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง จิตเป็นต้นนั้น ดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไป ในกลางคืนและกลางวัน ฯ

[๒๓๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย วานรเมื่อเที่ยวไปในป่าใหญ่จับกิ่งไม้ ปล่อยกิ่งนั้น ยึดเอากิ่งอื่น ปล่อยกิ่งที่ยึดเดิม เหนี่ยวกิ่งใหม่ต่อไป แม้ฉันใด ร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้

ที่ตถาคตเรียกว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณ บ้าง จิตเป็นต้นนั้นดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไป ในกลางคืนและกลางวัน ก็ฉัน นั้นแล ฯ

จากพระสูตรดังกล่าว จิต-มโน-วิญญาณ ดวงหนึ่งดวงเกิด ดวงหนึ่งดับไป ก็แสดงให้เห็นว่า "จิตเป็นดวง" เกิด-ดับๆๆๆ วิชาธรรมกายมีคำสอน มีคำอธิบายอย่างชัดเจน

*****สำคัญที่สุดคือ มีผู้ปฏิบัติตามได้"

ตำราก็หาอ่านได้ที่นี่  https://www.dropbox.com/sh/160475x745y9rag/E8VnSnvIzz

ที่คุณJitZungkabuai กล่าวว่า

....จิตเป็นดวงไม่ได้หมายว่าเป็นดวงๆครับ เป็นขณะๆหนึ่ง ไม่ใช่จิตเป็นดวงกลมๆ จิตก็เหมือนคุณลืมตาตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วเห็นห้องนอนของคุณนั่นแหละ...

ไม่ได้มีหลักฐานทางวิชาการใดๆ สนับสนุนเลย 

ทางวิชาธรรมกาย มีพระอภิธรรมสนับสนุน มีพระสูตรสนับสนุน มีตำราสนับสนุน มีคนปฏิบัติตามได้สนับสนุน

2) ที่คุณJitZungkabuai กล่าวว่า .....อย่าอ้างพระพุทธเจ้าครับ เรื่องสอนผิดมีให้เห็นตะพึดตะพือไป ตรงตามพระธรรมก็มี ไม่ตรงก็มีครับ....

ตกลง..ทางกลุ่มวิทยากรสอนผิดอย่างไร ถึงจะอ้างพระพุทธเจ้าไม่ได้  ถ้าวิทยากรสอนถูก ก็อ้างพระพุทธเจ้าได้ใช่หรือไม่

3) จากข้อ 2 อยากให้คุณ JitZungkabuai ฟันธงมาเลยว่า การปฏิบัติธรรมตามาแบบวิชาธรรมกาย ซึ่งถ้าเห็นดวงธรรมแล้ว เห็นกายธรรมแล้ว มีผลดี คือ สะเดาะเคราะห์ได้ด้วย  ผิดหลักการคำสอนของพระพุทธเจ้าตรงไหน

อย่าลืมว่า "กระบวนการที่สะเดาะเคราะห์" ที่เรากำลังเสวนากันนี้ คือ การปฏิบัติธรรม 

การปฏิบัติธรรมทำให้กรรมเก่า หรือ "เคราะห์" ลดลงไม่ได้เชียวหรือ..


สมองหมา ปัญญาควายจิตซังกะบ๊วยตอบกลับมาอีก 2 ความคิดเห็น ดังนี้

ความคิดเห็นที่ 28

จิตเป็นอรูป ไม่ใช่รูป มันเรียกว่าดวง แต่ไม่มีรูปสัณฐานเป็นดวง แต่เรียกว่าดวง เพราะมุ่งหมายบั่นสันตติ

จิตเป็นรูป หรือจิตเป็นนาม จิตเป็นนามคืออรูป จะมีลักษณะเป็นดวงได้อย่างไร

จะเห็นว่า ตรงนี้ สมองหมา ปัญญาควายจิตซังกะบ๊วยไม่ได้พยายามโต้แย้งกันอยู่ในประเด็น ทางเจ้าของกระทู้ยืนยันหลักฐานมาตั้งแต่

1)  หลักฐานทางภาษา คือ เป็นคำลักษณะนาม ซึ่งสมองหมา ปัญญาควายจิตซังกะบ๊วย ชูประเด็นขึ้นมาเอง
2)  หลักฐานจากพระอภิธรรมที่ว่า “จิตเป็นดวง”
3)  หลักฐานจากพระสูตร
4)  หลักฐานจากตำราของวิชาธรรมกาย
5)  หลักฐานจากการสอนของวิทยากร คือ ผมเอง มีเผยแพร่ใน youtube

สมองหมา ปัญญาควายจิตซังกะบ๊วย มันก็เพ้อเจ้อไปตามความเชื่อของมันอย่างเดียว แบบไม่อ้างหลักฐานใดๆ

ความคิดเห็นที่ 29

ใครจะอ้างพระพุทธเจ้าก็อ้างไป ถูกไม่ถูกผมเตือนเฉยๆ ครับ ว่าอย่าอ้างเลย

ตอบไปสองข้อแล้ว  ข้อที่สามตอบว่า

ถ้ามันสะเดาะเคราะห์ได้ ทำให้กรรมเก่าลดลงได้ ด้วยวิธีเช่นคุณเสนอ พระวินัยคงส่งเสริมการทำเช่นนั้นไม่ห้ามว่าเป็นติรัจฉานวิชชา

ข้อความส่วนนี้ ขอให้อ่านคำโต้แย้งจากท่านเจ้าของกระทู้เลย ดังนี้

เรียน คุณ JitZungkabuai

1) จิตเป็นดวงนั้น ผมอ้างทั้งพระสูตรและพระอภิธรรม  ถ้าคุณ JitZungkabuai มีความเห็นต่าง ก็ควรจะมี "หลักฐาน" ที่ชัดเจนกว่านี้

ที่ คุณ JitZungkabuai กล่าวมา เป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ไม่มีหลักฐานอย่างเป็นวิชาการแต่ประการใด

ขอหลักฐานที่เป็นวิชาการด้วย  ของผม ผมยกไปแล้ว ทั้งพระสูตรและพระอภิธรรม

2) ขอถามย้ำอีกทีว่า "การปฏิบัติธรรม" ในศาสนาพุทธ ทำให้กรรมเก่าลดลงไม่ได้เชียวหรือ

การที่ คุณ JitZungkabuai ตอบว่า  ...ถ้ามันสะเดาะเคราะห์ได้ ทำให้กรรมเก่าลดลงได้ ด้วยวิธีเช่นคุณเสนอ พระวินัยคงส่งเสริมการทำเช่นนั้นไม่ห้ามว่าเป็นติรัจฉานวิชชา...มันไม่เป็นการตอบปัญญาที่ถามไป

3) ยังจะมีคำถามตามมาอีก

สมองหมา ปัญญาควายจิตซังกะบ๊วยเข้ามาตอบอีกดังนี้

ความคิดเห็นที่ 30

การปฏิบัติ ถ้าเป็นรูปฌานมันก็เป็นรูป ถ้าเป็นอรูปมันก็ไม่มีรูป  เข้าใจไหมครับ

เห็นข้อความนี้ ผมก็รู้แล้วว่า สมองหมา ปัญญาควายจิตซังกะบ๊วยจะหนีตามคนอื่นอีกแล้ว เพราะ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกันเลยกับที่โต้แย้งกันอยู่

ท่านเจ้าของกระทู้ก็ตอบมา แบบแทงเข้ายอดอกของสมองหมา ปัญญาควายจิตซังกะบ๊วย ดังนี้

เรียน คุณ JitZungkabuai

ขอให้เสวนากันตามข้อที่ว่ากันมาตั้งแต่ต้นก่อนนะครับ เดี๋ยวไม่รู้จะจะไปจบตรงไหน สำหรับเรื่อง "รูปฌานกับอรูปฌาน" นั้น  ค่อยว่ากันทีหลัง

สุดท้ายเลย สมองหมา ปัญญาควายจิตซังกะบ๊วย เข้ามาตอบ ดังนี้

ความคิดเห็นที่ 31

คงไม่ตอบแล้วล่ะครับ เรื่องของความเชื่อส่วนบุคคลแล้ว ยินดีที่ได้สนทนากันครับ

จิตฯ

แล้วสมองหมา ปัญญาควายจิตซังกะบ๊วยก็หนีหายไปจากกระทู้อีก 1 ศพ ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร จนกระทั่งถึงวันที่ผมเขียนบล็อกอยู่นี้ ก็ยังไม่ปรากฏตัวให้เห็น

สงสัยไปเลียแผลที่โดนแทงยอดอกอยู่..


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น